ประเภทของระบบปฏิบัติการ
-supercomputing Operation Systems จะใช้ในงานด้านวิทยาศาสตร์ที่มีการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล หรือใช้งานด้านกราฟิกกับงานที่มีรายละเอียดสูง ปริมาณมากๆ
-mainframes Operating Systems จะใช้ในงานบริการขนาดใหญ่ เช่น หน่วยงานรัฐบาลและสามารถจ่ายแจกข้อมูลในผู้ใช้ได้พร้อมๆกัน มีความปลอดภัยสูง
-servers Operating Systems มีความสามารถในการจัดการเครือข่าย การให้บริการอินเตอร์เน็ตร่วมกัน
-desktop Operating Systems เพื่อผู้ใช้ตามบ้าน สำหรับเครื่องพีซีที่ทรัพยากรเครื่องไม่สูงมากนักง่ายในการใช้งาน ไม่ซับซ้อนจนเกินไป
-workstations Operating Systems ใช้สำหรับเครื่องพีซี โดยจะมีผู้ใช้คนเดียว มีประสิทธิภาพพอๆกับแบบDesktop เน้นใช้ทำงานในสำนักงาน องค์กรเป็นหลัก
-handheld Operating Systems เป็นระบบที่ถึงความสามารถจากระบบ Desktop แต่ปรับปรุงให้ใช้ทรัพยากรน้อย เหมาะกับอุปกรณ์มือถือแบบต่างๆ
-real Time Operating System(RTOS) ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานที่ต้องอัพเดทตลอดเวลา มักจะใช้ในการเฝ้าดูและติดตามผล จะมีความเสถียรในการใช้งานสูงและความสามารถในการสื่อสารเยี่ยม
-embedded Operating System ทำขึ้นมาเฉพาะอุปกรณ์มีไว้เพื่อฝังรวมกับอุปกรณ์ตัวนั้น โดยจะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับสูง ระบบจะมีขนาดเล็กใช้ได้เฉพาะอุปกรณ์ตระกูลเดียวกัน
-smart Card Operating Systems ระบบที่ฝังใน Smart Card มีขนาดเล็กบรรจุในหน่วยความจำภายในการ์ด หน้าที่หลักคือการป้องกันข้อมูล
ระบบปฏิบัติการกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
เราสามารถแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลัก คือ
-processors หรือ ซีพียู ระบบปฏิบัติการจะทำการจัดแบ่งเวลาในการประมวลผลให้กับงานที่กำลังทำอยู่ รวมถึงการแทรกงานที่มาจากผู้ใช้
-memory หรือ หน่วยความจำจะทำงานควบคู่กับซีพียู ระบบปฏิบัติการจะเป็นตัวระบุตำแหน่งข้อมูลซึ่งหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์จะมี 3 ประเภท คือ high-speed cache,main memory, secondary memory
-l/0 Devices อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่ถูกจัดการโดยระบบปฏิบัติการในการสั่งงาน ควบคุมและแบ่งปันอุปกรณ์เหล่านั้นให้เพียงพอกับงานต่างๆที่ทำอยู่
-buses หรือ ทางเดินข้อมูล โดยระบบปฏิบัติการจะเป็นตัวควบคุมการไหลของข้อมูลบนบัสเพื่อให้การรับส่งข้อมูลทำได้อย่างถูกต้อง
ความสามารถของระบบปฏิบัติการ
ความสามารถหลัก 6 ประการ คือ
-processor Management การจัดซีพียูเป็นความสามารถหลัก และหัวใจของระบบปฏิบัติการมีอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน คือ
1.ทำการแบ่งปันเวลาประมวลผลของซีพียูให้เพียงพอกับงานทุกๆงาน
2.พยายามใช้ซีพียูประมวลผลงานตามความเป็นจริง
-memory Maragement การจัดการหน่วยความจำ ระบบที่ดีจะต้องมีการจัดการที่ดี 2 ประเด็นหลัก
1.ระบบต้องแบ่งหน่วยความจำให้เพียงพอสำหรับงานแต่ละงาน
2.ระบบจะต้องจัดการขอบเขตหน่วยความจำให้ดี งานๆหนึ่งจะไม่สามารถนำหน่วยความจำของงานซึ่งมาใช้ได้
-storage Management การจัดการข้อมูล ระบบปฏิบัติการที่ดีจะต้องมีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลลงดิสก์ Disk เพื่อบันทึกเก็บไว้ใช้ในตอนเปิดเครื่องครั้งต่อไป ระบบปฏิบัติการจะต้องมีความสามารถในการอ่านเขียนข้อมูลลงดิสก์ได้ดี มีระบบค้นหาข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และมีระบบการกำหนดสิทธิ์ผู้เข้าใช้ข้อมูลนั้นๆได้
-derice Management การจัดการอุปกรณ์ต่อพ่วง ระบบปฏิบัติการจะต้องมีความสามารถในการติดต่อพ่วงต่างๆ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ จอมอนิเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงหลัก โดยระบบจะติดต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงผ่านโปรแกรมจิ๋วที่เรียกว่า ไดร์เวอร์ ซึ่งจะมีหน้าที่ในการแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ของอุปกรณ์ให้เห็นเป็นข้อมูลรหัส
-application Interface ส่วนติดต่อโปรแกรมประยุกต์ ระบบปฏิบัติการจะเตรียมส่วนที่ใช้ติดต่อกับโปรแกรมประยุกต์ไว้ เช่น คำสั่งพื้นฐาน ฟังก์ชันการทำงานต่างๆ เตรียมเอาไว้
-user Interface ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ เช่น หน้าต่าง ปุ่มกดตกลง ช่องกรอกข้อความและส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อใช้สื่อสาร และรับคำสั่งจากผู้ใช้งาน โดยโปรแกรมประยุกต์จะนำส่วนประกอบต่างๆเหล่านั้นมาใช้เป็นส่วนประกอบของโปรแกรม
2 ความคิดเห็น:
ครับ ยังดีที่เปิดพบนะ ปรับปรุงใหม่คราวหน้าผมต้องการให้ข้อความแสดงไว้ที่หน้าแรก ลองทำดูนะครับ
ครูต้องการให้ ทราบว่า ระบบปฏิบัติการแต่ละอย่างคืออะไร 2.ต่างกันอย่างไร 3.มีลักษณะพิเศษประจำตัวอย่างไร(จุดเด่น) เช่นถ้ามีใครมาถามว่า ถ้าต้องการนำเครื่อง พีซี ไปใช้ทำระบบคาราโอเกะ จะต้องใช้ระบบปฏิบัติการชนิดใด ไหนลองตอบครูซิ
แสดงความคิดเห็น